ตรวจเยี่ยมและติดตามการให้ความช่วยเหลือคนพิการกรณีศึกษาพระราชทาน ในจังหวัดนราธิวาส วันนี้ (12 ธ.ค. 61) นางสาวอลิสา สุวรรณรัตน์ และนางสาวมณทกานติ์ ใหม่แท้ ผู้แทนมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาตรวจเยี่ยมและติดตามประเมินผลการให้ความช่วยเหลือคนพิการกรณีศึกษาพระราชทานในจังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการให้ความช่วยเหลือ ด.ช.อับดุลวาเรส เปาะซูปายา ร่วมกับคณะของหน่วยงานราชการในพื้นที่ โดยมีนายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอยี่งอ พร้อมด้วย นาวาตรีหญิง โนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ปลัดอำเภอยี่งอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ทหาร เจ้าหน้าที่ปกครอง เข้าร่วม ณ โรงเรียนบ้านบลูกาสนอ และบ้านพักใน ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ด.ช.อับดุลวาเรส เปาะซูปายา มีความพิการตั้งแต่กำเนิด ไม่มีขาทั้งสองข้าง ปัจจุบันอายุ 7 ปี 8 เดือน น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ส่วนสูง 62 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับบิดามารดา มีพี่น้อง 6 คน เด็กชายอับดุลวาเรส เป็นบุตรคนที่ 6 บิดาประกอบอาชีพพนักงานจ้างเหมา ที่ อบต.ตะปอเยาะ อัตราเงินเดือนเดือนละ 6,000 บาท มารดาประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า ในด้านพัฒนาการ ด.ช.อับดุลวาเรส มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันได้ การมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ มีการรายงานการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ที่ได้เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมให้ความช่วยเหลือ และได้มอบชุดธารน้ำใจกาชาดให้แก่ครอบครัวของ ด.ช.อับดุลวาเรส นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ยังได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ อาทิ การช่วยเหลือด้านการศึกษา อำเภอยี่งอได้ประสานกับผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบลูกาสนอ ย้าย ด.ช.อับดุลวาเรส มาเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านบลูกาสนอ เพื่อสะดวกในการรับส่ง โดยปัจจุบันเด็กชายอับดุลวาเรส เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นอกจากนี้ ยังมีการดูแลในด้านสุขภาพโดยติดตามสุขภาพช่องปากและสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง ในด้านอาชีพ ทาง อบต.ตะปอเยาะ ร่วมกับอำเภอให้การช่วยเหลือ โดยได้จ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 800 บาท และจะดำเนินการจ้างมารดาของเด็กชายอับดุลวาเรส มาทำงานในตำแหน่งผู้ดูแลเด็กเล็ก ในปีหน้า ด้าน นางสาวอลิสา สุวรรณรัตน์ ผู้แทนมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า ในการช่วยเหลือผู้พิการจะต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่าย โดยให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจของครอบครัว ตามมาด้วยสุขภาพของผู้พิการ ซึ่งจะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ความช่วยเหลือ สำหรับในด้านการศึกษาจะต้องมีการปรับสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน การเรียนการสอนเพื่อให้เด็กพิการสามารถเข้าเรียนได้ และการดูแลให้เรียนต่อทั้งในด้านสายสามัญและสายอาชีพ ซึ่งจะมีการดูแลอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีงานทำ การเข้ามาช่วยเหลือดังกล่าวเพื่อสร้างโอกาสและเป็นแนวทางในการช่วยเหลือผู้พิการต่อไป จึงขอขอบคุณหน่วยงานในพื้นที่ที่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้พิการในพระราชานุเคราะห์ฯเป็นอย่างดี และจะเป็นตัวอย่างในการช่วยเหลือผู้พิการรายอื่นๆต่อไป Cr. สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นราธิวาส