วันนี้ (18 ก.พ. 62) ที่มัสยิดอาบีบักร บ้านบาเกะ ม.2 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานราธิวาส สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดนราธิวาส สำนักงานชลประทานที่ 17 ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชนในพื้นที่ตำบลโคกเคียน เข้าร่วมประชุมระดมความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาแนวสันทรายปิดร่องน้ำทางเดินเรือบริเวณปากลำคลองโคกเคียน และการกัดเซาะแนวชายหาด โดยนายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส กล่าวว่า ปัญหาแนวสันทรายปิดร่องน้ำทางเดินเรือเป็นปัญหาต่อเนื่องมากว่า 4 ปีแล้ว หลังจากมีการสร้างเขื่อนที่ปากแม่น้ำบางนรา ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศ ส่งให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อการประกอบอาชีพประมง เนื่องจากเรือประมงของชาวบ้านกว่า 100 ลำ ที่ทำการประมงแบบเช้าไปเย็นกลับไม่สามารถเดินเรือเข้าออกได้ รวมทั้งมีพื้นที่ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะหายไปกว่าร้อยไร่ ที่ผ่านมาทางอำเภอเมือง และ อบต.โคกเคียนได้แก้ปัญหาเบื้องต้นให้ชาวบ้าน ด้วยการใช้รถแบคโฮมาขุดลอกปากลำคลองโคกเคียนให้เรือประมงสามารถเดินเรือเข้าออกได้ ซึ่งใน 2561 ได้แก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ไปแล้วนับ 10 ครั้ง ด้าน นางพาตีเมาะ สะดียามู กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาต้องดูสภาพพื้นที่จริง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ได้เสนอทางออกตามภูมิปัญญาชาวบ้าน บวกกับความรู้ด้านวิชาการ และส่วนราชการเข้ามามีส่วนร่วม ก็จะมีการดำเนินการ 3 รูปแบบ รูปแบบที่ 1 คือ ระยะสั้นใช้การแก้ปัญหาตามวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ต้องออกไปทำประมง ส่วนนี้จะใช้งบของจังหวัดเข้ามาดำเนินการขุดลอกเส้นเดินเรือออกไปยังทะเล ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน ในช่วงนี้มรสุมไม่รุนแรงมากนักจะทำการขุดลอกเดือนละประมาณ 1-2 ครั้ง ตามสถานการณ์ ในเบื้องต้นจะให้ทางอำเภอเป็นหน่วยงานที่เข้ามาดำเนินการ โดยจ้างรถแม็คโครเข้ามาขุดลอก ซึ่งระยะเวลาในการขุดลอกขึ้นอยู่กับสภาพของลม ระดับน้ำทะเล และปัจจัยต่างๆ สำหรับในระยะที่สอง เป็นเรื่องของการแก้ปัญหาในระยะยาวที่จะมีการวางระบบโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ในเรื่องเส้นทางที่ต้องใช้หลักวิชาการ ซึ่งต้องใช้เวลาเนื่องจากมีกระบวนการขั้นตอนต่างๆ เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานราธิวาส ด้านการของบประมาณอาจจะต้องใช้งบประมาณพอสมควร เพราะมีความเกี่ยวข้องกับความลึกของน้ำทะเล เส้นทางของน้ำ ซึ่งในการดำเนินการตามข้อเสนอของชาวบ้านเป็นข้อเสนอที่รับมาแล้วต้องดูความเหมาะสมด้านวิชาการประกอบกันด้วย อาจต้องใช้เวลา และระยะต่อมา คือการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจแต่ต้องใช้เวลาในการออกแบบ เพราะแหล่งท่องเที่ยวต้องรองรับการท่องเที่ยวทั้งคนจากภายในและภายนอกพื้นที่ ซึ่งได้ประสานให้ อบต.โคกเคียนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนการท่องเที่ยวตามวิถีประมง และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการนำเรื่องการพัฒนาแหล่งทองเที่ยวเข้าไปสู่ยุทธศาสตร์จังหวัด ในวาระการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกำหนดเป็น 1 อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยว ที่จะออกแบบให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม คาดว่าจะนำเข้าสู่แผนในปี 2564 ที่เริ่มเสนอในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนนี้ เพราะแหล่งท่องเที่ยวสมัยนี้นอกจากมีความเป็นธรรมชาติ ต้องมีการสร้างสรรค์และการลงทุน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานราธิวาส และสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดนราธิวาส เป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องมาดูเรื่องของการก่อสร้าง ว่าจะปรับตามข้อเสนอของชาวบ้านได้อย่างไรบ้าง ส่วนที่ต้องเร่งดำเนินการคือการช่วยเหลือให้ชาวบ้านได้มีช่องทางนำเรือออกสู่ทะเล เพื่อทำการประมง ส่วนในระยะที่ 2 จะเกี่ยวข้องกับกฎหมายและงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งมีวิธีการและขั้นตอนต่างๆ คาดว่าทุกอย่างน่าจะเป็นไปได้ทั้งหมด เชื่อว่าจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับประชาชนในพื้นที่ จากการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงต้องร่วมกันสร้างและเติมเต็มตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส